Header Ads Widget

Ticker

6/recent/ticker-posts

มาร์จิ้นที่ใช้ในการเทรดทองคำ (XAU/USD) ที่เลเวอเรจระดับต่างๆ และแนวทางการบริหารความเสี่ยงสำหรับพอร์ตลงทุน 500 USD โดยเน้นการเทรดรายวันด้วย Price Action บนไทม์เฟรม 30 นาที



มาร์จิ้นที่ใช้ในการเทรดทองคำ (XAU/USD) ที่เลเวอเรจระดับต่างๆ และแนวทางการบริหารความเสี่ยงสำหรับพอร์ตลงทุน 500 USD โดยเน้นการเทรดรายวันด้วย Price Action บนไทม์เฟรม 30 นาที

ขออธิบายแยกเป็นส่วนๆ ดังนี้ครับ

ส่วนที่ 1: การคำนวณมาร์จิ้น (Margin) สำหรับคู่ทองคำ (XAU/USD) ที่เลเวอเรจต่างๆ

  • มาร์จิ้น (Margin): คือเงินทุนส่วนหนึ่งที่คุณต้องวางไว้เป็นประกันกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดและรักษาสถานะการเทรด ถือเป็นเงินที่ถูก "กัน" ไว้ชั่วคราวตราบใดที่คุณยังมีสถานะเปิดอยู่

  • เลเวอเรจ (Leverage): คืออัตราส่วนที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมขนาดสถานะการเทรดที่ใหญ่กว่าเงินทุนที่คุณมีจริง ตัวอย่างเช่น เลเวอเรจ 1:1000 หมายความว่า ทุกๆ 1 USD ของเงินทุนของคุณ คุณสามารถควบคุมสถานะมูลค่า 1000 USD ได้

  • การคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการ (Required Margin): สูตรโดยทั่วไปคือ

    Required Margin=[Contract Size×Current Price​]/Leverage

    • Contract Size สำหรับทองคำ (XAU/USD): โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะกำหนดขนาดสัญญามาตรฐาน (Standard Lot) สำหรับทองคำไว้ที่ 100 ออนซ์ (troy ounces) อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์หลายแห่งก็มี Mini Lot (10 ออนซ์) และ Micro Lot (1 ออนซ์) ให้เทรดด้วย เพื่อความยืดหยุ่นสำหรับพอร์ตขนาดเล็กถึงกลาง ในที่นี้เราจะคำนวณจาก Standard Lot (100 ออนซ์) เป็นหลัก และจะกล่าวถึง Mini/Micro Lot ด้วย
    • Current Price: คือราคาทองคำปัจจุบัน ณ เวลาที่คุณเปิดสถานะ ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้เห็นภาพ เราจะใช้ราคาประมาณการ สมมติว่า ณ ขณะที่คำนวณ ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 2,380 USD ต่อออนซ์ (โปรดทราบว่าราคาจริงอาจแตกต่างไปจากนี้)
    • มูลค่าสัญญามาตรฐาน (1 Standard Lot): 100 ออนซ์ * 2,380 USD/ออนซ์ = 238,000 USD
  • การคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการสำหรับ Standard Lot (100 ออนซ์) ที่ราคา 2,380 USD/ออนซ์:

    • เลเวอเรจ 1:2000: มาร์จิ้น = (100 * 2380) / 2000 = 238,000 / 2000 = 119 USD
    • เลเวอเรจ 1:1000: มาร์จิ้น = (100 * 2380) / 1000 = 238,000 / 1000 = 238 USD
    • เลเวอเรจ 1:500: มาร์จิ้น = (100 * 2380) / 500 = 238,000 / 500 = 476 USD
    • เลเวอเรจ 1:400: มาร์จิ้น = (100 * 2380) / 400 = 238,000 / 400 = 595 USD
    • เลเวอเรจ 1:200: มาร์จิ้น = (100 * 2380) / 200 = 238,000 / 200 = 1,190 USD

    ข้อสังเกต:

    • เลเวอเรจที่สูงขึ้นต้องการมาร์จิ้นเริ่มต้นที่ต่ำลงเพื่อเปิดสถานะขนาดเท่ากัน
    • สำหรับการเทรด Standard Lot (100 ออนซ์) ด้วยทุนเพียง 500 USD จะเห็นว่าที่เลเวอเรจ 1:400 และ 1:200 คุณจะต้องใช้มาร์จิ้นที่ มากกว่า เงินทุนทั้งหมดที่คุณมี (595 USD และ 1190 USD ตามลำดับ) ซึ่งหมายความว่าคุณ ไม่สามารถ เปิดสถานะ Standard Lot ได้ที่เลเวอเรจเหล่านี้ด้วยทุน 500 USD
  • การคำนวณมาร์จิ้นที่ต้องการสำหรับ Micro Lot (1 ออนซ์) ที่ราคา 2,380 USD/ออนซ์:

    • เลเวอเรจ 1:2000: มาร์จิ้น = (1 * 2380) / 2000 = 2380 / 2000 = 1.19 USD
    • เลเวอเรจ 1:1000: มาร์จิ้น = (1 * 2380) / 1000 = 2380 / 1000 = 2.38 USD
    • เลเวอเรจ 1:500: มาร์จิ้น = (1 * 2380) / 500 = 2380 / 500 = 4.76 USD
    • เลเวอเรจ 1:400: มาร์จิ้น = (1 * 2380) / 400 = 2380 / 400 = 5.95 USD
    • เลเวอเรจ 1:200: มาร์จิ้น = (1 * 2380) / 200 = 2380 / 200 = 11.90 USD

    จะเห็นว่าการเทรด Micro Lot (1 ออนซ์ หรือ 0.01 Standard Lot) ใช้มาร์จิ้นที่ต่ำมาก ทำให้คุณ สามารถ เปิดสถานะได้ที่ทุกระดับเลเวอเรจด้วยทุน 500 USD

ส่วนที่ 2: การบริหารความเสี่ยงด้วยทุน 500 USD ในการเทรดทองคำรายวันบน M30 ด้วย Price Action

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะกับพอร์ตขนาดเล็กและเครื่องมือที่มีความผันผวนสูงอย่างทองคำ เลเวอเรจที่สูงช่วยให้คุณเปิดสถานะได้ใหญ่ขึ้น แต่ ก็เพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนทั้งหมดอย่างรวดเร็วหากไม่บริหารความเสี่ยงให้ดี

  • หลักการสำคัญ: จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรด (Risk Per Trade)

    ด้วยทุน 500 USD การจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนจำนวนมากจากการเทรดเพียงไม่กี่ครั้งที่ผิดทาง

    • แนะนำให้เสี่ยงเพียง 1% ถึงสูงสุดไม่เกิน 2% ของเงินทุนต่อการเทรด 1 ครั้ง

    • คำนวณจำนวนเงินสูงสุดที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่อครั้ง:

      • เสี่ยง 1%: 1% ของ 500 USD = 5 USD
      • เสี่ยง 2%: 2% ของ 500 USD = 10 USD

    นี่คือจำนวนเงินที่คุณยอมให้ขาดทุนได้สูงสุดจากการเทรด แต่ละครั้ง หากการเทรดนั้นผิดทางและชนจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ของคุณ

  • การกำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing): นี่คือจุดที่เชื่อมโยงการบริหารความเสี่ยงกับมาร์จิ้นและเลเวอเรจ

    ขนาดสถานะที่คุณควรเปิด ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนมาร์จิ้นที่ต้องการเป็นหลัก แต่อยู่ที่ จำนวนเงินที่คุณยอมเสี่ยงต่อการเทรด (จากข้อข้างบน) หารด้วย ระยะ Stop Loss (วัดเป็น USD ต่อออนซ์)

    • การใช้ Price Action ในการกำหนด Stop Loss: เมื่อคุณใช้ Price Action (PA) ในการหาจุดเข้าเทรดบนไทม์เฟรม M30 จุดที่คุณวาง Stop Loss มักจะอ้างอิงจากโครงสร้างราคาที่ PA นั้นก่อตัวขึ้น เช่น ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียน Bullish Pin Bar, เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียน Bearish Engulfing, ใต้แนวรับที่เข้าซื้อ เป็นต้น ระยะห่างของ Stop Loss นี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับความผันผวนและรูปแบบ PA ในขณะนั้น

    • ตัวอย่างการคำนวณขนาดสถานะ:

      สมมติคุณวิเคราะห์ PA แล้วพบจุดเข้า Long ที่ดีบน M30 และคำนวณแล้วว่าระยะ Stop Loss ของคุณอยู่ห่างจากจุดเข้า 5 USD ต่อออนซ์ (เช่น ถ้าเข้าที่ 2380 USD/ออนซ์ ต้องวาง Stop Loss ที่ 2375 USD/ออนซ์)

      • หากคุณเลือกเสี่ยง 5 USD ต่อการเทรด (1%):

        ขนาดสถานะ (ออนซ์) = 5 USD (ความเสี่ยง) / 5 USD/ออนซ์ (ระยะ SL) = 1 ออนซ์

        1 ออนซ์ คือ 0.01 Standard Lot (หรือ 1 Micro Lot)

      • หากคุณเลือกเสี่ยง 10 USD ต่อการเทรด (2%):

        ขนาดสถานะ (ออนซ์) = 10 USD (ความเสี่ยง) / 5 USD/ออนซ์ (ระยะ SL) = 2 ออนซ์

        2 ออนซ์ คือ 0.02 Standard Lot (หรือ 2 Micro Lots)

    • ตัวอย่างที่ 2: สมมติระยะ Stop Loss ของคุณกว้างขึ้น เป็น 10 USD ต่อออนซ์

      • หากคุณเลือกเสี่ยง 5 USD ต่อการเทรด (1%):

        ขนาดสถานะ (ออนซ์) = 5 USD / 10 USD/ออนซ์ = 0.5 ออนซ์

        0.5 ออนซ์ คือ 0.005 Standard Lot (หรือ 0.5 Micro Lot)

      • หากคุณเลือกเสี่ยง 10 USD ต่อการเทรด (2%):

        ขนาดสถานะ (ออนซ์) = 10 USD / 10 USD/ออนซ์ = 1 ออนซ์

        1 ออนซ์ คือ 0.01 Standard Lot (หรือ 1 Micro Lot)

    บทสรุปการกำหนดขนาดสถานะ:

    ไม่ว่าคุณจะใช้เลเวอเรจสูงถึง 1:2000 ที่ต้องการมาร์จิ้นเพียง 1.19 USD ในการเทรด 1 ออนซ์ (Micro Lot) แต่ ขนาดสถานะที่เหมาะสมสำหรับพอร์ต 500 USD ด้วยความเสี่ยง 1-2% จะถูกจำกัดด้วยระยะ Stop Loss ที่คุณกำหนดจากการวิเคราะห์ Price Action เป็นหลัก และส่วนใหญ่มักจะจบลงที่การเทรดในหน่วย Micro Lot (0.01 Standard Lot) หรืออย่างมากก็ Mini Lot (0.1 Standard Lot หรือ 10 ออนซ์) หากระยะ SL แคบมากๆ และคุณยอมเสี่ยง 2%

    • เหตุผลที่เลเวอเรจสูงไม่ได้หมายความว่าควรเปิดสถานะใหญ่: เลเวอเรจสูงทำให้มาร์จิ้นที่ต้องการ ต่ำ แต่ถ้าคุณใช้เลเวอเรจสูงเพื่อเปิดสถานะที่ ใหญ่เกินไป เมื่อเทียบกับเงินทุนและระยะ Stop Loss (เช่น พยายามเทรด Mini Lot หรือ Standard Lot) หมายความว่าคุณกำลังยอมรับความเสี่ยงที่ สูงมาก ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เงินทุน 500 USD ของคุณจะหมดอย่างรวดเร็วเพียงเพราะการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเพียงเล็กน้อยที่ชน Stop Loss ซึ่งอาจมีความกว้างเพียงไม่กี่เหรียญต่อออนซ์
  • การบริหารความเสี่ยงอื่นๆ ที่สำคัญ:

    • อย่าเทรดตลอดเวลา: แม้จะเทรดรายวัน จันทร์-ศุกร์ ตลอดทุกช่วงเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเทรดทุกชั่วโมง ให้รอจังหวะ Price Action ที่ชัดเจนและมีความได้เปรียบเท่านั้น
    • ความผันผวนของทองคำ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมากในบางช่วงเวลา (โดยเฉพาะช่วงข่าวสำคัญของสหรัฐฯ เช่น NFP, FOMC) การเทรดช่วงเวลานี้มีความเสี่ยงสูงจาก slippage (ราคาที่ได้ไม่ตรงกับราคาที่ตั้งไว้) และ Stop Loss อาจถูกชนได้ง่ายขึ้น ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงช่วงข่าว
    • สเปรดและค่าคอมมิชชั่น: ค่าใช้จ่ายในการเทรด (สเปรดและ/หรือค่าคอมมิชชั่น) จะมีผลต่อผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะบนไทม์เฟรมที่เล็กลงอย่าง M30 ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้นของกำไร/ขาดทุนจากการเทรดสั้นๆ
    • มีแผนการเทรด: กำหนดเกณฑ์การเข้า/ออก จุด Stop Loss จุดทำกำไร (Take Profit) ก่อนเปิดสถานะเสมอ ยึดตามแผนและอย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ
    • บันทึกการเทรด: ทบทวนการเทรดที่ผ่านมาเพื่อเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์
    • สภาพจิตใจ: การเทรดต้องอาศัยการควบคุมอารมณ์ หลีกเลี่ยงการเทรดด้วยความโกรธ ความโลภ หรือความกลัว

ส่วนที่ 3: การใช้ Price Action บนไทม์เฟรม M30 สำหรับทองคำ

  • Price Action คือการตัดสินใจเทรดโดยอ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง เช่น รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns), แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance), เส้นแนวโน้ม (Trend Lines), รูปแบบราคา (Chart Patterns)
  • บนไทม์เฟรม M30 สำหรับทองคำ คุณอาจมองหาสัญญาณ PA ดังนี้:
    • แท่งเทียน Pin Bar/Hammer/Shooting Star: โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นที่แนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ บ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาในระดับนั้นๆ
    • แท่งเทียน Engulfing: แท่งเทียนขนาดใหญ่ที่กลืนกินแท่งก่อนหน้า บ่งบอกถึงการเข้าควบคุมตลาดของฝั่งใดฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
    • แท่งเทียน Inside Bar: มักบ่งบอกถึงการบีบอัดตัวของราคาก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ (Breakout)
    • การทดสอบแนวรับ/แนวต้าน: สังเกตพฤติกรรมราคาเมื่อชนแนวรับหรือแนวต้าน เช่น การเกิด PA กลับตัว (Reversal) หรือการทะลุ (Breakout) ที่แข็งแกร่ง
  • สิ่งสำคัญ: ไม่ใช่แค่รูปแบบ PA แต่เป็น ตำแหน่ง ที่รูปแบบนั้นเกิดขึ้น PA ที่เกิดขึ้นที่แนวรับ/แนวต้านสำคัญจะมีน้ำหนักมากกว่า PA ที่เกิดขึ้นกลางทาง

สรุปแนวทางสำหรับพอร์ต 500 USD เทรดทองคำรายวันบน M30 ด้วย Price Action:

  1. เลือกโบรกเกอร์ที่มี Micro Lot (0.01 Standard Lot) และเลเวอเรจที่คุณพอใจ (สูงๆ เช่น 1:1000 หรือ 1:2000 ช่วยลดมาร์จิ้นที่ต้องการ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเปิดสถานะใหญ่ได้)
  2. กำหนดขนาดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไว้ที่ 1-2% ของเงินทุน (5-10 USD)
  3. ทุกครั้งที่วิเคราะห์จุดเข้าด้วย Price Action บน M30 ให้กำหนดจุด Stop Loss ที่สมเหตุสมผลตามโครงสร้าง PA
  4. คำนวณขนาดสถานะ (Position Size) ด้วยสูตร: ขนาดสถานะ (ออนซ์) = (เงินที่ยอมเสี่ยงต่อครั้ง) / (ระยะ Stop Loss เป็น USD ต่อออนซ์)
  5. เปิดสถานะตามขนาดที่คำนวณได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในหน่วย Micro Lot (0.01-0.0X Standard Lot)
  6. ปฏิบัติตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด มีวินัยในการวาง Stop Loss และ Take Profit
  7. ระมัดระวังช่วงข่าวสำคัญที่มีความผันผวนสูง
  8. หมั่นทบทวนและเรียนรู้จากการเทรด

การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมด้วยการจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดและกำหนดขนาดสถานะอย่างถูกต้องตาม Stop Loss คือกุญแจสำคัญในการรักษาเงินทุน 500 USD ของคุณให้อยู่รอดในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างทองคำ แม้ว่าเลเวอเรจที่สูงจะให้ความยืดหยุ่นด้านมาร์จิ้น แต่การใช้เลเวอเรจอย่างไม่ระมัดระวังจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างรวดเร็วครับ

ขอให้โชคดีกับการเทรดครับ!


Cr.Nirundornp, WinWiFi Robot Series

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น